“`html
วันพรีมของอเมซอน 2025: เทศกาลช้อปปิ้งสี่วันท่ามกลางความท้าทายทางภาษี
วันพรีมของอเมซอนได้พัฒนาไปจากกิจกรรมวันเดียวสู่ปรากฏการณ์ช้อปปิ้งระดับโลก และในปี 2025 ได้ขยายตัวอีกครั้ง กำหนดจัดตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 11 กรกฎาคม 2025 งานนี้มอบโอกาสให้สมาชิกพรีมได้เข้าถึงดีลหลักล้านในหลากหลายหมวดหมู่สินค้า อย่างไรก็ตาม วันพรีมในปีนี้ตั้งอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะผลกระทบของภาษีใหม่ที่เกี่ยวกับสินค้านำเข้า ภาษีเหล่านี้ได้สร้างความซับซ้อนให้กับทั้งผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค โดยมีผลต่อกลยุทธ์การตั้งราคากับพฤติกรรมการซื้อสินค้า
วิวัฒนาการของวันพรีม
ตั้งแต่เริ่มต้น วันพรีมเป็นเสาหลักของปฏิทินการค้าของอเมซอน โดยมอบดีลพิเศษให้กับสมาชิกพรีม การจัดงานในปี 2025 ถือเป็นการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยงานนี้ครอบคลุมถึงสี่วัน การขยายเวลาเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและมอบเวลามากขึ้นให้กับผู้บริโภคเพื่อใช้ประโยชน์จากส่วนลดต่าง ๆ ที่มีอยู่ ขณะที่อเมซอนยังคงปรับปรุงการเข้าถึงของตน การรวมฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น “ดีลใหญ่ประจำวันนี้” ซึ่งมีการปล่อยดีลในแต่ละวันพร้อมกับส่วนลดลึกจากแบรนด์ชั้นนำ ทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ([aboutamazon.com](https://www.aboutamazon.com/news/retail/amazon-prime-day-2025-date?utm_source=openai))
ผลกระทบของภาษีต่อผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค
ภูมิทัศน์การค้าปลีกในปี 2025 ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภาษีใหม่ที่เรียกเก็บจากการนำเข้าจากประเทศเช่น จีน เม็กซิโก และแคนาดา ภาษีเหล่านี้ทำให้ต้นทุนของผู้ค้าปลีกเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่พึ่งพาสินค้านำเข้า สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ค้าปลีกหลายรายกำลังพยายามลดผลกระทบเชิงลบของภาษีตั้งแต่หลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการเตรียมการขนส่งล่วงหน้าและการปรับคำสั่งซื้อในช่วงเทศกาล ([cnbc.com](https://www.cnbc.com/2025/05/02/trump-tariffs-what-to-expect-on-prime-day-july-4-and-black-friday.html?utm_source=openai))
สำหรับผู้ขายในอเมซอน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ภาษีเหล่านี้ได้สร้างแรงกดดันด้านต้นทุนอย่างมาก บางรายได้แสดงความกังวลว่าอาจพิจารณาข้ามงานวันพรีมในปีนี้ไปเลยหรือเก็บสินค้าคงคลังไว้เพื่อหวังว่าจะขายได้ในราคาเต็มในภายหลัง แทนที่จะทำให้เกิดการขาดทุนหรือส่งต่อค่าธรรมเนียมเพิ่มให้กับผู้บริโภค ([3win.ai](https://www.3win.ai/amazon/tariffs-drive-promo-pullback/?utm_source=openai))
พฤติกรรมของผู้บริโภคท่ามกลางการเพิ่มราคาจากภาษี
ผู้บริโภคยังรู้สึกถึงผลกระทบจากภาษีเหล่านี้ โดยมีการสำรวจระบุว่า 27.8% ของผู้บริโภคกล่าวว่าราคาที่สูงขึ้นจากภาษีใหม่ทำให้พวกเขาต้องมองหาทางเลือกสินค้าที่ราคาถูกลง ([digitalcommerce360.com](https://www.digitalcommerce360.com/2025/06/19/amazon-prime-day-tariffs/?utm_source=openai)) การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้วันพรีมจะมอบส่วนลดที่สำคัญ แต่ความอ่อนไหวต่อราคาโดยรวมก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ซื้อมีความระมัดระวังมากขึ้นในการตัดสินใจซื้อสินค้า
การตอบสนองเชิงกลยุทธ์ของอเมซอน
เพื่อปรับตัวรับสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ อเมซอนได้ดำเนินกลยุทธ์หลายอย่างเพื่อรักษาความดึงดูดใจของวันพรีม การขยายกิจกรรมไปถึงสี่วันทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสในการช้อปปิ้งมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น นอกจากนี้ อเมซอนยังได้เปิดตัว “ดีลใหญ่ประจำวันนี้” ซึ่งเสนอดีลในแต่ละวันพร้อมส่วนลดลึกจากแบรนด์ชั้นนำ มุ่งมั่นที่จะดึงดูดผู้บริโภคแม้ในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ([aboutamazon.com](https://www.aboutamazon.com/news/retail/amazon-prime-day-2025-date?utm_source=openai))
มองไปข้างหน้า: อนาคตของวันพรีมในตลาดที่ได้รับผลกระทบจากภาษี
วันพรีมในปี 2025 เป็นการทดสอบความยืดหยุ่นของภาคการค้าปลีกต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจ ขณะที่ภาษียังคงหล่อหลอมภูมิทัศน์ ทั้งผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคจะต้องปรับตัว สำหรับผู้บริโภค การติดตามแนวโน้มราคาและการสำรวจทางเลือกในการซื้อจะเป็นสิ่งสำคัญ ในทางกลับกัน ผู้ค้าปลีกจะต้องบาลานซ์ความกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นกับความต้องการในการนำเสนอข้อเสนอที่น่าสนใจ เพื่อรักษาความภักดีของลูกค้า การปรับตัวและการวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ภายในวันพรีมในปี 2025 ได้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างนโยบายการค้าโลกและพฤติกรรมของผู้บริโภค
บทสรุป
วันพรีมของอเมซอนในปี 2025 ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบกิจกรรมสี่วัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการมอบคุณค่าให้กับสมาชิกพรีม อย่างไรก็ตาม บริบทของภาษีที่เปลี่ยนแปลงนี้ยังได้สร้างความซับซ้อนให้กับผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคที่ต้องเดินตามเส้นทางนี้ เพื่อให้เข้าใจถึงพลศาสตร์เหล่านี้และอยู่ในทันเหตุการณ์ ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น ขณะที่ผู้ค้าปลีกสามารถปรับกลยุทธ์เพื่อให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดได้อย่างเหมาะสม
“`
